วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แนวคิด Cognitive Domain ของบลูม


          บลูม (Bloom.1976) เป็นนักการศึกษาชาวอเมริกัน เชื่อว่า การเรียนการสอนที่จะประสบ ความสำเร็จและมีประสิทธิภาพนั้น ผู้สอนจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจนแน่นอน เพื่อให้ผู้สอนกำหนดและจัดกิจกรรมการเรียนรวมทั้งวัดประเมินผลได้ถูกต้อง และบลูมได้แบ่งประเภทของพฤติกรรมโดยอาศัยทฤษฎีการเรียนรู้และจิตวิทยาพื้น ฐานว่า มนุษย์จะเกิดการเรียนรู้ใน 3 ด้านคือ ด้านสติปัญญา ด้านร่างกาย และด้านจิตใจ และนำหลักการนี้จำแนกเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาเรียกว่า Taxonomy of Educational objectives (อติญาณ์ ศรเกษตริน.  2543 :72-74 ; อ้างอิงจาก บุญชม ศรีสะอาด. 2537 ; Bloom.  1976 : 18)



พฤติกรรมพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)

            พฤติกรรมพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) หมายถึง การเรียนรู้ทางด้านความคิด ความรู้การแก้ปัญหา จัดเป็นพฤติกรรมทางด้านสมอง และสติปัญญา โดย Benjamin S. Bloom และคณะเป็นผู้คิดขึ้น แบ่ง ออกเป็น
6 ระดับ ดังนี้

           
            1. ความรู้ (Knowledge) หมายถึง ความสามารถในการที่จะจดจำ (Memorization) และระลึกได้ (Recall) เกี่ยวกับความรู้ที่ได้รับไปแล้ว อันได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่เจาะจงหรือเป็นหลักทั่ว ๆ ไป วิธีการ กระบวนการต่าง ๆ โครงสร้าง สภาพของสิ่งต่าง ๆ และสามารถถ่ายทอดออกมาโดยการพูด เขียน หรือกิริยาท่าทาง แบ่งประเภทตามลำดับความซับซ้อนจากน้อยไปหามาก เช่น การเรียนรู้ว่าอาหารหลักมี 5 หมู่
เป็นต้น
          ตัวอย่างการสร้างข้อสอบวัดความรู้
                   1. เขมร ลาว พม่า มีสิ่งใดเหมือนกับไทย
                             ก. ศาสนา                 
                             ข. วัฒนธรรม
                             ค. นิสัยใจคอ
                             ง. ภูมิประเทศ
                             จ. อาหารการกิน
          2. ความเข้าใจ (Comprehension) สามารถให้ความหมาย แปล สรุป หรือเขียนเนื้อหาที่กำหนด
ใหม่ได้ โดยที่สาระหลักไม่เปลี่ยนแปลง
          ตัวอย่างการสร้างข้อสอบวัดความเข้าใจ
                   1. การเคลื่อนไหวของอากาศเปรียบได้กับอะไร
                             ก. น้ำพุ
                             ข. น้ำวน
                             ค. น้ำตก
                             ง. น้ำตาล
                             จ. น้ำเอ่อ
          3. การนำไปใช้ (Application) สามารถนำวัสดุ วิธีการ ทฤษฏี แนวคิด มาใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างจากที่ได้เรียนรู้มา เช่น เรียนทำอาหารมาแล้ว สามารถประกอบอาหารได้หลายอย่างโดยใช้ความรู้ที่มีอยู่ สามารถรู้ว่าอาหารปริมาณ แค่ไหนต้องใส่น้ำปลาเท่าใด เป็นต้น
          ตัวอย่างการสร้างข้อสอบวัดการนำไปใช้
                   1. คำในภาษาที่เกิดจากการเลียนเสียงเด็กพูดคือคำใด
                             ก. เอะอะ
                             ข. ครึกครื้น
                             ค. โกรกธาร
                             ง. โหวกเหวก
                             จ. กระแอมกระไอ
          4. การวิเคราะห์ (Analysis) สามารถแยก จำแนก องค์ประกอบที่สลับซับซ้อนออกเป็นส่วน ๆ ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างส่วนย่อยต่าง ๆ เช่น เรียนทำอาหารมาแล้ว พอมาพบกับอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง วิธีปรุงอย่างไร ใช้ไฟเบา หรือไฟแรง เป็นต้น
          ตัวอย่างการสร้างข้อสอบวัดการวิเคราะห์
                   1. ลักษณะใดเป็นประชาธิปไตย
                             ก. ทุกคนร่ำรวยเท่ากัน
                             ข. ทุกคนฉลาดเท่ากัน
                             ค. ทุกคนมีอำนาจเท่ากัน
                             ง. ทุกคนรับผิดชอบเท่ากัน
                             จ. ทุกคนมีการศึกษาเท่ากัน
          5. การสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึง ความสามารถในการรวบรวม หรือนำองค์ประกอบหรือ
ส่วนต่าง ๆ เข้ามารวมกัน เพื่อให้เป็นภาพพจน์โดยสมบูรณ์ เป็นกระบวนการพิจารณาแต่ละส่วนย่อย ๆ แล้วจัดรวมกันเป็นหมวดหมู่ ให้เกิดเรื่องใหม่หรือสิ่งใหม่ สามารถสร้างหลักการกฎเกณฑ์ขึ้นเพื่ออธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ เช่น สรุปเหตุผลตามหลักตรรกวิทยา การคิดสูตรสำหรับหาจำนวนที่เป็นอนุกรม
          ตัวอย่างการสร้างข้อสอบวัดการสังเคราะห์
                   1. คนที่ไม่ลักขโมยเป็นคนดี แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นเขาต้องประพฤติอะไรอีกอย่างหนึ่ง
                             ก. อาชีพสุจริต
                             ข. ไม่โลภมาก
                             ค. มีความสัตย์
                             ง. มีเมตตากรุณา
                             จ. มีสติรอบคอบ
          6. การประเมินค่า (Evaluation) สามารถตัดสิน ตีราคาคุณภาพของสิ่งต่าง ๆ โดยมีเกณฑ์หรือมาตรฐานเป็นเครื่องตัดสิน เช่น การตัดสินกีฬา ตัดสินคดี หรือประเมินว่าสิ่งนั้นดี ไม่ดี ถูกต้องหรือไม่ โดยประมวลมาจากความรู้ทั้งหมดที่มี
          ตัวอย่างการสร้างข้อสอบวัดการสังเคราะห์
                   1. การรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้จำเป็นหรือไม่
                             ก. จำเป็น เพราะเป็นสิ่งที่มีค่า
                             ข. จำเป็น เพราะเป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว
                             ค. จำเป็น เพราะเป็นเอกลักษณ์ของชาติ
                             ง. ไม่จำเป็น เพราะเป็นสิ่งล้าสมัย
                             จ. ไม่จำเป็น เพราะเป็นการไม่พัฒนา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น